วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ข่าวประชาสัมพันธ์ขายทอดตลาดทรัพย์สินชำรุด เสื่อมสภาพ

ประชาสัมพันธ์งานกีฬาพะทายคัพ (เปิด Open)

 

ประกาศองค์การบริหารตำบลพะทาย

เรื่อง ประชาสัมพันธ์การจัดงานแข่งขันกีฬาฟุตบอล พะทายคัพ ครั้งที่ ๑7 ประจำปี ๒๕๕6

 

 

                   ด้วยองค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย กำหนดจัดงานแข่งขันกีฬาฟุตบอล พะทายคัพ ครั้งที่ ๑7 ประจำปี ๒๕๕6 ขึ้น ในเดือน ธันวาคม ๒๕๕5 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย ในการจัดงานได้มีการเปิดรับสมัคร กีฬาฟุตบอลชาย ประเภทโอเพ่น (Open)

 

                    ดังนั้น  องค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกัน ตามรายละเอียด หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

๑.      หลักเกณฑ์และคุณสมบัติของนักกีฬาฟุตบอล

                 ๑.1 ให้ส่งนักกีฬาสมัครเข้าแข่งขันได้ทีมละไม่น้อยกว่า ๑๕ คน และไม่เกิน ๒๒ คน

                 ๑.2 ให้มีเจ้าหน้าที่ทีมได้ ๕ คน

                 ๑.3  ค่าประกันทีม 5๐๐ บาท

เงินรางวัล    กีฬาฟุตบอลโอเพ่น (Open)

                      รางวัลที่ ๑    0,๐๐๐ บาท

                      รางวัลที่ ๒    5,๐๐๐   บาท

                      รางวัลที่ ๓    2,5๐๐   บาท

                      รางวัลที่ ๔    1,5๐๐   บาท

หมายเหตุ  ค่าสมัครทีมละ 5๐๐ บาท

๒.     หลักฐานประกอบการสมัครของนักกีฬาแข่งขันฟุตบอล

                ๑.๑ ใบสมัครขอร่วมการแข่งขันของทีม

                ๑.๒ แผงติดรูปถ่ายนักกีฬาและเจ้าหน้าที่พร้อมชื่อ (รูปถ่ายจริงไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ)

                ๑.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมสำเนาถูกต้อง

                ๑.๔ สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมสำเนาถูกต้อง

หมายเหตุ  วันแข่งขันนักกีฬาต้องเป็นนักกีฬาตามรายชื่อและแผงติดรูปเท่านั้น

                  โดยให้ผู้ที่สนใจสอบถามและกรอกใบสมัคร ได้ตั้งแต่วันที่ 1  พฤศจิกายน ๒๕๕5    20 พฤศจิกายน ๒๕๕5 ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย (ในวันและเวลาราชการ) ส่วนการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โทร.๐๔๒ – ๕๓๘๐๖๘,  085-4547 587

 

                   กำหนดวันประชุมผู้จัดการทีมในวันพุธที่ ๒1 พฤศจิกายน ๒๕๕5 เวลา 10.๐๐ น.  ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย ทีมที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขันจะต้องเข้าร่วมประชุมผู้จัดการทีมตามวัน เวลา และสถานที่ซึ่งคณะกรรมการจัดการแข่งขันกำหนด หากทีมใดไม่มาถือปฏิบัติตามมติที่ประชุม

 

                   จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

 

                                  ประกาศ    วันที่ .........................................

 

 

                                               (ลงชื่อ).........................................................

                                                       (นางสาวริญญาภัทร์    โชตน์ภัควรรธนะ)

                                                         นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพะทาย

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เผ่าไทยโส้หรือไทยกะโซ่

เผ่าไทยโส้หรือไทยกะโซ่ 
อาศัยอยู่ในเขต อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม

            ประวัติความเป็นมา   ชาวไทยโส้ในพื้นที่จังหวัดนครพนม เป็นชาวไทยตระกูลเดียวกันกับพวกบรู หรือพวกไทยข่า  นักมนุษยวิทยาถือว่าพวกไทยโซ่เป็นชาติพันธุ์ของมนุษย์  ในกลุ่มมองโกเลียด์ มีภาษาขนบธรรมเนียมประเพณีแตกต่างไปจากพวกไทยข่า แต่ภาษานั้นถือว่า  อยู่ในตะกูลออสโตรอาเซียติดสาขามอญเขมรหรือตะตู  ซึ่งสถาบันวิจัยภาษาฯ  ของมหาวิทยาลัยมหิดลได้รวบรวมไว้บทความเรื่องภาษาตระกูลไทย

            พวกกะโซ่ซึ่งอพยพเข้ามาในสมัยรัชกาลที่  3 ได้ตั้งขึ้นเป็นเมืองหลายเมือง คือ เมืองรามราช  เป็นชาวกะโซ่จากเมืองเซียงฮ่ม  ในแขวงสุวรรณเขต  ตั้งขึ้นเป็นเมืองรามราช ขึ้นกับเมืองนครพนม  เมื่อ  พ.ศ. 2387  โปรดเกล้าฯ  ตั้งให้ท้าวบัว  แห่งเมืองเชียงฮ่ม  เป็นพระทัยประเทศ  เป็นเจ้าเมืองเป็นคนแรก  ปัจจุบันเป็นพื้นที่รามราช  ตำบลพระทาย  ตำบลท่าจำปา  อำเภอท่าอุเทน  ตำบลโพนสวรรค์  จังหวัดนครพนมเป็นหมู่บ้านชาวไทยโส้

            นอกจากนั้นยังมีชาวไทยโส้อยู่ในท้องที่อำเภอปลาปาก  จังหวัดนครพนมอีกหลายหมู่บ้าน  เช่น  ตำบลโคกสูง  และบ้านวังตามัว  ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม

            ศิลปะ วัฒนธรรมกะโส้ซึ่งรักษาไว้เป็นเอกลักษณ์ประจำเชื่อชาติ ที่เด่นชัดก็คือโซ่ทั่งบั้ง  หรือภาษากะโซ่เรียกว่า  สะลา  เป็นพิธีการในการบวงสรวงวิญญาณของบรรพบุรุษประจำปีหรือเรียกขวัญและรักษาคนป่วย  กับพิธี  ซางกระมูด  ในงานศพ

            1. พิธีกรรม  โซ่ทั่งบั้ง  เป็นภาษาชาวไทยอีสานเรียกชื่อพิธีกรรมของชาวกะโซ่คำว่าโซ่  หมายถึง พวกกะโซ่  คำว่าทั่ง แปลว่ากระทุ้ง  หรือกระแทก  คำว่าบั้ง  หมายถึงบ้องหรือกระบอกไม้ไผ่  โซ่ทั่งบั้ง ก็คือ  การใช้กระบอกไม้ไผ่ยาวประมาณ 3 ปล้อง  กระทุ้งดินให้เป็นจังหวะและมีผู้ร่ายรำและร้องรำไปตามจังหวะในพิธีกรรมของชาวกระโซ่  สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  เมื่อครั้งเสด็จตรวจราชการมณฑลอุดร  เมื่อเสด็จถึงเมืองกุสุมาลย์  (อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร)  เมื่อ พ.ศ. 2449   ได้ทรงบันทึกการแสดงโซ่ ทั่งบั้งหรือสะลาไว้ว่า

            สลามีหม้อดินตั้งกลางแล้วมีคนต้นบทคนหนึ่ง  คนสะพายหน้าไม้  และลูกสำหรับยิงคนหนึ่ง คนตีฆ้องเรียกว่าพระเนาะคนหนึ่งคนถือไม้ไผ่สามปล้องสำหรับกระทุงดิน  รวมแปดคน เดินร้องรำเป็นวนเวียนไปมา  พอพักหนึ่งก็ดื่มอุและร้องรำต่อไป...

2.  พิธีซางกระมูด  เป็นพิธีกรรมก่อนนำศพลงจากเรือน คำว่า ซาง หมายถึง การกระทำหรือการจัดระเบียบ กระมูด แปลว่า ผี ซางกระมูด หมายถึง การจัดพิธีเกี่ยวกับคนตายชาวกระโซ่ถือว่า เมื่อคนตายไปแล้วจะเป็นผีดิบ จึงต้องกระทำพิธีซางกระมูดเสียก่อน เพื่อให้ผีดิบและวิญญาณของผู้ตายได้สงบสุข  มิฉะนั้นอาจทำให้ญาติพี่น้องเกิดเจ็บป่วยขึ้นได้

            อุปกรณ์ในพิธีซางกระมูดประกอบด้วย ขันโต(ขันกระหย่อง) สานด้วยไม้ไผ่สองใบ เป็นภาชนะใส่อุปกรณ์ต่างๆ  มีไม้ไผ่สานเป็นรูปจักจั่น 4 ตัว แทนวิญญาณของผู้ตาย นอกจากนี้ยังมีพานสำหรับยกครู (คาย) ประกอบด้วยขันธ์ 5 เทียน5 คู่ ดอกไม้สีเขียว เช่น ดอกลั่นทม 5คู่ เงินเหรียญ 12 บาท ไข่ดิบ  1  ฟอง 

ดาบโบราณ  1   เล่ม  ขันหมาก  1   ขันมีดอกไม้อยู่ในขันหมาก   1   คู่  พร้อมด้วยบุหรี่  และเทียนสำหรับทำพีอีกหนึ่งเล่ม  ล่ามหรือหมอผีจะเป็นผู้กระทำพิธีและสอบถามวิญญาณของผู้ตายได้สงบสุข  เมื่อทราบความต้องการของวิญญาณแล้วญาติก็จะจัดสิ่งของไว้บวงสรวงวิญญาณ

3.  พิธีเหยา  ในการรักษาคนป่วยหรือเรียกขวัญคล้ายๆ กับพิธีของชาวไทยอีสานทั่วไป  เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยหรือการเรียกขวัญ โดยหมอผีจะทำหน้าที่เป็นล่ามสอบถามวิญญาณของบรรพบุรุษ        

            ชาวไทยกะโซ่มีผิวกายที่ดำคล้ำเช่นเดียวกับพวกข่า  สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงกล่าวถึงการแต่งกายของชาวกะโซ่ไว้ในหนังสือเรื่องเที่ยวที่ ต่างๆ ภาค 4 เมื่อเสด็จภาคอีสานเมื่อ  พ.ศ.  2449  ไว้ว่า  ....ผู้หญิงไว้ผมสูงแต่งตัวนุ่งซิ่นสวมเสื้อแขนกระบอกย้อมครามห่มผ้าแถบ  ผู้ชายแต่งกายอย่างคนเมือง  แต่เดิมนุ่งผ้าเตี่ยวไว้ชายข้างหน้า ชายหนึ่ง

 ภูมิปัญญาพื้นบ้าน   เหยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ

ภาษาที่ใช้ภาษาคือภาษาโส้     

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้เสด็จเยี่ยมพสกนิกรจังหวัด นครพนม  เมื่อ พ.ศ. 2498 ซึ่งจังหวัดมุกดาหารยังรวมอยู่ในจังหวัดนครพนม ชาวไทยกะโซ่
ได้แสดงโส้ทั่งบั้งหรือสะลาทอดพระเนตรพร้อมกับร้องคำถวายพระพรเป็นภาษากะโซ่ว่า       เซินตะดกละแสง  เซินแต่แซงมะนาง     เซินยอนางเอย    ดรุ๊กอีตู    จูเยก    ยางเอย        ดรุ๊กอีตูจูเยอวายเอย

ไฮพัดกระกมติตอนจิรอ          ไฮพัดระพอดิตรอนอิตูด          ตะรงยางเอย

ระกบเจ้ากวงมานะ      วอนเบาแบนเราะ                     เนออาญาเฮาเอย

สะโอนเนาต๊กยะ                      วอนเบาแบนเราะ                     ดูกรองวไดเดอกะนางไฮเอย

คำแปล  ขอเชิญสิ่งศักดิ์สิทธ์ขุนเขา ขอเชิญแสงตะวันอันแรงกล้า เชิญเถิดขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์ จงมาให้ขวัญทั้งหลายจงมาร่วมกัน ณ ที่นี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเอย ขอให้มาคุ้มครองสองเจ้าเหนือหัว ขอให้พระองค์อยู่ดีมีสุขเถิดพระเจ้าเราเอย ขอให้อย่ามีทุกข์และความเดือดร้อน  ขอให้พระองค์อยู่ดีมีสุขอยู่คู่เมืองไทย ปกป้องคุ้มครองพวกทั้งหลายตลอดไปเทอญ